บทที่ 2 โลกและการเปลี่ยนแปลง

โลกและการเปลี่ยนแปลง

ทฤษฎีการแปรสันฐานแผ่นธรณีภาค (plate tectonic)
   - เสนอโดย ดร.อัลเฟรด   เวเกเนอร์(Dr.Alfred Wegener) ชาวเยอรมัน
   - ทฤศฎี
        แต่เดิมแผ่นดินบนโลกเป็นแผ่นดินผืนเดียวกัน เรียกว่า พันเจีย(Pangaea) แผรว่าแผ่นดิน
        200 ล้านปีก่อนพันเจียแยกเป็น 2 ทวีปใหญ่ ได้แก่ ลอเรเซีย อยู่ทางเหนือ ซึ่งมียุโรปติดอยู่กับ                   อเมริกาเหนือและทวีปกอนด์วานาอยู่ทางตอนใต้
    - ต่อมากอนด์วานาแตกออกเป็น อินเดีย อเมริกาใต้และแอฟริกาส่วนออสเตรเลียยังคงเป็นส่วนหนึ่ง            ของกอนด์วานา
    - 65 ล้านปีก่อนมหาสมุทรแอตแลนติกแยกตัวกว้างขึ้น ทำให้แอฟริกาเคลื่อนตัวห่างออกจากอเมรีกา         ใต้
    - ต่อมายุโรปแลพอเมริกาเหนือแยกออกจากกัน โดยอเมริกาเหนือโค้งเข้าเชื้อมกับอเมริกาใต้ และ              ออสเตรเลียแยกออกจากกอนแอนตาร์กติกา
•อินเดียเคลื่อนเข้ากับเอเซียเกิดเป็นภูเขาหิมาลัย

หลักฐานสนับสนุนทฤษฎีของเวเกเนอร์
• รอยต่อของแผ่นธรณีภาค รูปร่างของทวีปบางทวีปเชื่อมต่อกันได้พอดี เช่น ด้านตะวันออกของทวีปอเมริกาใต้ เชื่อมต่อด้านตะวันตกของทวีปแอฟริกาได้ดีสาเหตุที่ต่อกันไม่สมบูรณ์ มาจากการกัดเซาะชายฝั่ง และการสะสมของตะกอน
• ความคล้ายคลึงกันของกลุุ่มหิน และแนวภูเขา กลุ่มหินในอเมริกาใต้แอนตาร์กติกา แอฟริกา ออสเตรเลีย และอินเดีย เป็นหินที่เกิดในยุคคาร์บอนิเฟอรัสถึงยุคจูแรสซิกเหมือนกัน
• หินที่เกิดจากการสะสมตัวของตะกอนจากธารนํ้าแข็ง
• ซากสัตว์ดึกดำาบรรพ์ มีการพบซากดึกดำาบรรพ์ 4 ประเภท คือ มีโซซอรัส ลีสโทรซอรัส ไซโนกาทัส และกลอสโซพเทรีส ในทวีปต่าง ๆ ที่เคยเป็นกอนด์วานา 

หลักฐานอื่นๆ ที่สนับสนุนการเคลื่อนตัวของทวีป
• สันเขาใต้สมุทร และร่องลึกใต้สมุทร
สันเขากลางมหาสมุทรแอตแลนติก
ร่องลึกใต้มหาสมุทรมาเรียนา
• อายุหินบริเวณพื้นมหาสมุทร จากการสำรวจมหาสมุทรแปซิฟิก แอตแลนติก และอินเดีย พบหินบะซอลต์ที่บริเวณหุบเขาทรุดและรอยแยกบริเวณสันเขาใต้สมุทร
• ภาวะแม่เหล็กโลกบรรพกาล (ร่องรอยสนามแม่เหล็กโลกในอดีต) ศึกษาจากหินบะซอลต์ที่มีแร่แมกนีไทต์

กระบวนการที่ทำให้เกิดการเคลื่อนที่ของแผ่นธรณี
• วงจรการพาความร้อน คือ กระบวนการที่สารร้อนภายในโลกไหลเวียนเป็นวงจร ทำให้เปลือกโลกกลางมหาสมุทรยกตัวขึ้น
• เมื่อสารร้อนไหลเวียนขึึ้นมาจะมีความหนาแน่นเพิิ่มขึึ้น และมุดลงบริเวณร่องลึกใต้สมุทร 

ลักษณะการเคลื่อนที่ของแผ่นธรณีภาค
1.ขอบแผ่นธรณีภาคแยกออกจากกัน
    เนื่องจากการดันตัวของแมกมาในชั้นธรณีภาค ทำาให้เกิดรอยแตกในชั้นหินแข็ง เปลือกโลกตอนบนทรุดตัวกลายเป็นหุบเขาทรุด เมื่อแมกมาเคลื่อนตัวแทรกขึ้นมาตามรอยแยก ทำให้แผ่นธรณีภาคใต้มหาสมุทรเคลื่อนตัวแยกออกไปทั้งสองข้าง กระบวนการนีี้เรียกว่า การขยายตัวของพื้นทะเลและปรากฏเป็นเทือกเขากลางสมุทร เช่น บริเวณทะเลแดง, อ่าวแคลิฟอร์เนีย, กลางมหาสมุทรแอตแลนติก

2.ขอบแผ่นธรณีภาคเคลื่อนเข้าหากัน มี 3 แบบ
• แผ่นธรณีภาคใต้มหาสมุทรชนกับแผ่นธรณีภาคใต้มหาสมุทร เกิดเป็นแนวภูเขาไฟกลางมหาสมุทร เช่น หมู่เกาะมาริอานาส์ อาทูเทียน มีลักษณะเป็นร่องใต้ทะเลลึก มีแนวการเกิดแผ่นดินไหว

• แผ่นธรณีภาคใต้มหาสมุทรชนกับแผ่นธรณีภาคภาคพื้นทวีป ทำให้แผ่นธรณีภาคใต้มหาสมุทรมุดลงใต้แผ่นธรณีภาค ภาคพืื้นทวีป เกิดรอยคดโค้งเป็นเทือกเขาบนแผ่นธรณีภาคภาคพื้นทวีป เช่นที่อเมริกาใต้แถบตะวันตกแนวชายฝั่งโอเรกอนเป็นร่องใต้ทะเลลึก มีภูเขาไฟปะทุในส่วนที่เป็นแผ่นดิน เกิดเป็นแนวภูเขาไฟชายฝัั่งเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง

• แผ่นธรณีภาคภาคพื้นทวีปชนกับแผ่นธรณีภาคภาคพื้นทวีป ส่วนหนึ่งมุดลงอีกส่วนหนึ่งเกยกันอยู่เกิดเป็นเทือกเขาสูง เช่น เทือกเขาหิมาลัยในทวีปเอเชียและเทือกเขาแอลป์ ในทวีปยุโรป


3.ขอบแผ่นธรณีภาคเคลื่อนที่ผ่านกัน
  เพราะแต่ละแผ่นธรณีภาคมีอัตราการเคลื่อนที่ไม่เท่ากันทำให้ไถลเลื่อนผ่านมีลักษณะเป็นแนวรอยแตกแคบยาวมีทิศทางตั้งฉากกับเทือกเขากลางสมุทรและร่องใต้ทะเลลึก เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงในระดับตื้นๆ ในบริเวณภาคพื้นทวีป หรือมหาสมุทร เช่น รอยเลื่อนซานแอนเดรียสอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา รอยเลื่อนอัลไพน์อยู่ในประเทศนิวซีแลนด์

การเปลี่ยนแปลงลักษณะของเปลือกโลก
1. ชั้นหินคดโค้ง
คดโค้งรูปประทุน (anticline) และคดโค้งรูปประทุนหงาย (syncline)
2. รอยเลื่อน คือ ระนาบรอยแตกตัดผ่านหินซึ่งมีการเคลื่อนที่ผ่านกัน และหินจะเคลื่อนที่ตามระนาบรอยแตกนั้น แบ่งเป็น 3 ประเภท
1. รอยเลื่อนปกติ

 2. รอยเลื่อนย้อน
 3. รอยเลื่อนตามแนวระดับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น